กรดเบนโซอิก (benzoic acid)
กรดเบนโซอิก (benzoic acid) เป็นสารถนอมอาหาร หรือสารกันเสีย หรือสารกันบูด (preservative agent) ที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหาร และในปัจจุบันยังใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสำอางและยาด้วย ในธรรมชาติกรดเบนโซอิก ผลิตได้จากผลไม้ประเภทเบอรี่ พรุน และกานพลู
กรดเบนโซอิกจัดเป็นวัตถุเจือปนอาหาร ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข อนุญาตให้ใช้กรดเบนโซอิก หรือเกลือของกรดเบนโซอิก เช่น โซเดียมเบนโซเอตหรือโพแทสเซียมเบนโซเอต ในอาหารบางประเภท โดยกำหนดปริมาณสูงสุดที่ให้ใช้กรดเบนโซอิกได้ (มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัม) เช่น ขนมหวานที่ทำจากนม เช่น ไอศกรีม พุดดิ้ง โยเกิร์ตปรุงแต่งหรือผสมผลไม้ (300 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัม) ผลิตภัณฑ์ผักหรือสาหร่ายในน้ำส้มสายชู น้ำเกลือ หรือซีอิ๊ว (2,000 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัม) ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากผักบด ถั่วบด หรือเมล็ดพืชบด เช่น ซอสผัก ผักกวนหรือแช่อิ่ม (3,000 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัม) ซุปและซุปใส (500 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัม) และสำหรับเครื่องดื่มเช่น น้ำผลไม้คั้น น้ำอัดลม ต้องไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัมเท่านั้น สำหรับอาหารประเภทอื่น เช่น ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผักและผลไม้ เช่น ผักดอง ผลไม้ดอง แยม เยลลี่ ผลิตภัณฑ์เนย ผลิตภัณฑ์ขนมอบต่างๆ และผลิตภัณฑ์อาหารประเภทผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปบางประเภท เช่น หมูยอ กำหนดปริมาณสูงสุดคือ 1,000 มิลลิกรัมของกรดเบนโซอิกต่อ 1 กิโลกรัมของน้ำหนักอาหาร
ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ยังตรวจพบกรดเบนโซอิกในอาหารที่ไม่อนุญาตให้ใช้ เช่น เส้นก๋วยเตี๊ยวทั้งเส้นสดและแห้ง ไส้กรอกหมูและไก่ และ เครื่องแกง และตรวจพบในอาหารที่อนุญาตให้ใช้ในปริมาณที่เกินกว่าปริมาณสูงสุดที่กำหนด
โครงสร้างทางเคมีและกลไกการออกฤทธิ์
กรดเบนโซอิก มีชื่ออื่นๆ ได้แก่ Benzenecarboxylic acid, carboxybenzene phenylcarboxylic acid หรือ Dracylic acid มีลักษณะเป็นผงผลึกหรือผงละเอียด ไม่มีสี ละลายน้ำได้เล็กน้อย ละลายได้ดีในตัวทำละลายอินทรีย์ เช่น เมทานอล และ อีเทอร์ มีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อน เกลือโซเดียมเบนโซเอตละลายน้ำได้ดีกว่า จึงนิยมใช้มากกว่า
กรดเบนโซอิกออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ เช่น รา ยีสต์ และแบคทีเรีย โดยจุลินทรีย์จะดูดซึมกรดเข้าไปในเซลล์ทำ ให้กระบวนการแทรกซึมของอาหาร เข้าไปในเซลล์ของจุลินทรีย์ผิดปกติไป ในขณะเดียวกันจะยับยั้งการสร้างเอนไซม์บางชนิดและปฏิกิริยาการทำงานของเอนไซม์ เช่น ฟอสโฟฟรุตโตไคเนส (phosphofructokinase enzyme) ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีพของจุลินทรีย์ทำให้จุลินทรีย์ไม่สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้
กรดเบนโซอิกมีประสิทธิภาพสูงที่สุดที่ช่วงความเป็นกรดด่างระหว่าง 2.5-4.0 ถ้ามากกว่า 5 ไม่สามารถถนอมอาหารได้ ดังนั้นอาหารบางประเภทที่เป็นด่างอ่อนหรือเป็นกลางจึงไม่ควรใช้กรดนี้ เช่น หมูยอ ซึ่งมีรายงานการศึกษาว่ากรดเบนโซอิกมีประสิทธิภาพต่ำมากในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์
ความเป็นพิษ
กรดเบนโซอิกรวมทั้งเกลือเบนโซเอตผ่านการประเมินความปลอดภัยทางพิษวิทยาว่ามีความเป็นพิษต่ำ มีความปลอดภัยสูงและไม่ได้อยู่ในรายชื่อของสารก่อมะเร็ง จึงนำมาใช้ในการผลิตอาหารได้ และ The Joint FAO/WHO Expert Committee of Food Additives (JECFA) กำหนดค่าความปลอดภัยหรือค่า Acceptable Daily Intake (ADI) ซึ่งเป็นปริมาณที่ร่างกายสามารถรับสารนั้นได้ต่อวันตลอดชั่วชีวิตโดยที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใดๆ ต่อสุขภาพ ไว้ที่ 0 - 5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวต่อวัน
อาการพิษ
อย่างไรก็ตามถ้าได้รับกรดเบนโซอิกในปริมาณที่สูงมากอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย อาการเลือดตกใน อัมพาต และมีรายงานการศึกษาถึงผลของกรดนี้ต่อการเพิ่มอาการสมาธิสั้นในเด็กด้วย และถ้าได้รับเกิน 6 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมอาจเสียชีวิตได้
ข้อควรระวัง
สารนี้มีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับกรดเบนโซอิก อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและตาได้
การเก็บรักษา
ตามวิธีที่ระบุไว้บนฉลากของแต่ละผลิตภัณฑ์



